วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

10 มุมสงบของกรุงเทพฯ




ใครจะเชื่อว่า "กรุงเทพฯ" เมืองแห่งความอึกทึกโกลาหลจะมีสถานที่ซึ่งให้ความสงบ ช่วยให้เราได้ผ่อนคลาย และพักจากความวุ่นวายสับสน ในกรุงและพบ 10 มุมสงบ ซึ่งพร้อมเป็นที่พักกายและใจให้ผู้ที่แวะเวียนไป แม้เพียงชั่วครั้งคราวเพื่อเติมพลังให้กับชีวิตของเรา


1.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้งที่อยู่ใจกลางเมือง และติดกับสยามสแควร์ที่แสนจะหนวกหู แต่พื้นที่แห่งนี้มีมุมสงบมากมายให้นั่งอ่านหนังสือ ทำการบ้าน หรือพาลูกหลานไปวิ่งเล่น โดยไม่ต้องเป็นศิษย์เก่า ช่วงเวลาที่สวยที่สุดคือในเดือนมีนาคมซึ่งดอกไม้แข่งกันบาน ไม่ว่าจะเป็นชงโค ตะแบก ชมพูพันธุ์ทิพย์ นนทรี หรือแคแสด คลอด้วยเสียงนกนานาชนิดที่อาศัยโอเอซิสกลางกรุงแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัย
ที่อยู่ ระหว่างถนนอังรีดูนังต์กับพญาไท (ประตูเปิดทุกวัน เวลาประมาณ 06.00-20.00 น. โดยช่วงสุดสัปดาห์จะเปิดบางประตู)

2.ห้องสมุดและร้านกาแฟนีลสัน เฮส์ห้องสมุดแห่งนี้ทำหน้าที่ให้ความรู้ และความสงบกับคนกรุงเทพฯมาตั้งแต่ พ.ศ.2412 ปัจจุบันห้องสมุดยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยมด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่สวยงาม คุณจะเลือกอ่านหนังสือเงียบๆ ในห้องสมุด หรือจะดื่มกาแฟและทานของว่างในร้านกาแฟซึ่งมีพื้นที่แสดงศิลปะ และยังจะได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศร่มรื่นของสวนด้านนอกอีกด้วย นอกจากนี้ ห้องสมุดยังจัดกิจกรรมเพื่อการอ่าน เช่น การอ่านนิทานเด็ก การขายหนังสือลดราคา และละครสำหรับเด็ก
ที่อยู่ ถนนสุรวงศ์ (ถ้าเดินจากบีทีเอสช่องนนทรีหรือสุรศักดิ์ใช้เวลา 20 นาที) เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ 09.30-17.00 น. โทร.0-2233-1731


3.บุ๊คเลานจ์แอทอมรินทร์ที่ชมรมเพิ่งค้นพบเร็วๆ นี้คือ บุ๊คเลานจ์แอทอมรินทร์ ที่ชั้น 4 อมรินทร์พลาซ่า ซึ่งเป็นเอาท์เลตหนังสือลดราคาของเอเซียบุ๊คส์ มีหนังสือนับแสนเล่ม และมีมุมกาแฟน่ารักของร้านบลูคัพ สามารถมองผ่านกระจกบานใหญ่ๆ ออกไปเห็นวิวด้านนอก ที่น่าสังเกตคือเมื่อร้านหนังสือและร้านกาแฟออกแบบบรรยากาศให้เงียบสงบ เหมาะกับการอ่านหนังสือ และพักเหนื่อยจากการช็อปปิ้ง ระหว่างที่อยู่ที่นี่คุณจะหยิบหนังสือมาเลือกดู พลางจิบชาสมุนไพรในกาน้ำชาและแก้วใส แล้วนั่งอ้อยอิ่งไปเรื่อยๆ ก็คงไม่มีใครว่าอะไร ที่อยู่ ชั้น 4 อมรินทร์พลาซ่า (ใกล้สี่แยกราชประสงค์)


4.ร้านหนังสือศึกษิตสยามและวัดราชบพิธฯนี่คือร้านหนังสือที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ สิ่งที่ถูกใจมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือของสำนักพิมพ์สวนเงิน มีมาที่ชวนให้คิดพิจารณาชีวิต สังคมและความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง มุมผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษ และผลิตภัณฑ์ที่เดินทางโดยตรงมาจากชุมชนต่างๆ และมุมสำหรับนั่งจิบชา หรือชิมโยเกิร์ตผลไม้รสต่างๆ ที่สำคัญคือที่นี่จะเปิดเพลงบรรเลงจากอินเดีย ภูฏาน และทิเบต ในระดับความดังที่เหมาะกับการเลือกซื้อหนังสือหรือซีดี ใช้เวลาที่นี่เสร็จแล้วจะข้ามถนนไปชมสถาปัตยกรรมที่สวยงามและความเงียบสงบของวัดราชบพิธฯหรือแวะไปที่ตลาดถนนราชบพิธใกล้ๆ ก็ยังได้
ที่อยู่ 113-115 ถนนเฟื่องนคร (ตรงข้ามวัดราชบพิธฯ)


5.รถไฟฟ้าใต้ดินสำหรับคนที่พร้อมจะจอดรถยนต์ส่วนตัวไว้ที่บ้านเพื่อหนีรถติดหรือค่าน้ำมัน รถไฟฟ้าใต้ดินเป็นทางเลือกที่วิเศษ เพราะนอกจากจะสะดวกรวดเร็วแล้วบรรยากาศเงียบสงบบริเวณสถานีและภายในรถไฟยังช่วยให้ได้พักจากความวุ่นวายของท้องถนน ที่สำคัญคือไม่มีเสียงโฆษณาในโทรทัศน์ทั้งบนสถานีและในขบวนรถ
เปิดทุกวันเวลา 06.00-24.00 น.


6.พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกน้อยคนจะรู้ว่าในย่านเจริญกรุงยังมีบ้านไม้สักจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สามหลังในบริเวณกว้างขวาง ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ พร้อมต้อนรับคนที่ค้นหามุมสงบของกรุงเทพฯ และร่วมศึกษากรุงเทพฯในอดีตที่คนทั่วไปสามารถสัมผัสโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย บ้านเหล่านี้อยู่ในซอย 43 ถนนเจริญกรุง เป็นบ้านเกิดและที่อยู่ในปัจจุบันของอาจารย์วราพร สุรวดี ซึ่งได้ยกบ้าน ที่ดินและสมบัติที่จัดแสดงไว้ให้กับกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นของย่านบางรัก และเพิ่มพื้นที่สงบร่มรื่นให้คนกรุงเทพฯ จะแวะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ หรือจะไปอ่านหนังสือเล่มโปรดใต้ร่มไม้ อาจารย์วราพรก็ยินดีต้อนรับทั้งสิ้น ถ้าไปในวันที่เธออยู่บ้าน เธอก็จะพาชมบ้านพร้อมเฟอร์นิเจอร์ และข้าวของเครื่องใช้ที่เก็บไว้อย่างดีด้วยตนเอง


7.ประตูสีฟ้าในบรรดาร้านหนังสือในกรุงเทพฯน่าจะมีอยู่ไม่กี่ร้านที่เป็นร้านอิสระ เจ้าของดูแลกิจการเอง และขายหนังสือจากหลากหลายสำนักพิมพ์ ทำให้เราได้มีโอกาสเลือกหนังสือจากสำนักพิมพ์เล็กๆ และที่ไม่ค่อยเห็นที่อื่น หนึ่งในร้านแบบนั้นคือร้านประตูสีฟ้า ซึ่งเราจะพบหนังสือดีแต่หายาก นอกจากนี้ ยังจัดร้านได้น่ารัก โล่ง สว่าง และสงบ แถมยังมีมุมกาแฟและอาหารที่กว้างขวางน่านั่ง จะนั่งจิบกาแฟคนเดียว นัดเพื่อนไปนั่งทานอาหาร หรือจะไปร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับการอ่านที่เจ้าของร้านขยันจัดอย่างสม่ำเสมอก็ได้


8.ร้านพีโอนี่สมกับเป็นร้านน้ำชาแบบจีนสมัยใหม่ ที่ผสมผสานความเป็นตะวันตกและตะวันออกได้อย่างกลมกลืน ด้วยเมนูชาที่มีให้เลือกกว่า 30 ชนิด เสิร์ฟด้วยกาน้ำชาและถ้วยที่เหมาะกับที่มาของชา ในร้านมีภาพดอกโบตั๋นน่ารักประดับเป็นสัญลักษณ์อยู่ทั่วไป ภายในแบ่งออกเป็นสามส่วน คือกลุ่มที่นั่งด้านหน้า สวนเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลาง และด้านในสุดเป็นมุมแสดงศิลปะ ทุกบริเวณกว้างขวาง น่านั่ง เพียงเข้าไปในร้านก็รู้สึกผ่อนคลายแล้ว ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาจีนสักกาหนึ่ง แล้วให้เวลาตัวเองค่อยๆ จิบชา พิจารณาทั้งกลิ่นหอมและรสชาติอ่อนละมุน เพลิดเพลินกับเสียงเพลงเบาๆ จะช่วยให้รู้สึกถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง


9.ร้านอกาลิโกร้านนี้บริการชาอังกฤษ กาแฟ ขนม และแซนด์วิชประเภทต่างๆ ในบรรยากาศโคโลเนียล เพดานสูงทำให้โปร่ง โล่ง สบาย ตกแต่งด้วยสีสันสะอาดตา มีสวนด้านนอกร่มรื่นแบบอังกฤษ คุณจะเลือกนั่งด้านในหรือด้านนอกก็ได้ บรรยากาศร้านจะเชิญชวนให้คุณนั่งลงพัก ผ่อนคลายไปกับการดื่มชา พร้อมกับขนมอร่อย เหมือนได้ย้อนยุคกลับไปอยู่ในโลกแห่งอดีตที่ไม่ต้องรีบเร่ง และค่อยๆ จิบชาโดยไม่มีคนรบกวน

10.สวนศิลปะอมันตีน่าดีใจมากที่กรุงเทพฯ มีสวนศิลปะที่กว้างขวาง ร่มรื่นในย่านแจ้งวัฒนะ ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับความร่มครึ้มของต้นไม่ใหญ่ สลับไปกับบ้านทรงไทย งานศิลปะและเฟอร์นิเจอร์แบบเอเชียที่สวยงาม ที่อมันตียังมีกิจกรรมศิลปะและวัฒนธรรมตลอดทั้งปี หรือคุณจะแวะไปที่มุมกาแฟของอมันตี ซึ่งมีทั้งอาหาร ของว่าง และเครื่องดื่มตลอดทั้งวัน บรรยากาศที่ผ่อนคลายและร่มรื่นของอมันตีจะทำให้คุณรู้สึกคุ้มค่ากับการเดินทางฝ่าการจราจรและแดดร้อน เพื่อให้ได้สูดอากาศบริสุทธิ์และสัมผัสความสงบที่หาได้ยากในกรุงเทพฯ
ผ่อนคลายตัวเองกับความบันเทิงแบบมีเสียงมากันเยอะแล้ว ลองเปลี่ยนแนวไปผ่อนคลายในมุมสงบเพื่อเติมพลังให้ตัวเองกันบ้างกันเถอะค่ะ