วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

นครเปตรา



นครเปตรา​ใน​จอร์​แดน​เป็น​เมืองที่​เจาะสลัก​เข้า​ไป​ใน​หินเกือบ​ทั้ง​หมด​ ​รอบบริ​เวณ​ ​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​ ​วิหาร​ ​หลุมศพ​ ​บันได​ ​โรงละคร​ ​ซึ่ง​ขุดสลัก​ ​มา​แต่ยอด​เขา​ลงมา​เป็น​หลืบลดหลั่น​เป็น​ช่อชั้นงดงาม​ ​แสดง​ถึง​ฝีมือ​และ​ ​ศิลปะ​ใน​การสลักหิน​ได้​อย่างยอดเยี่ยม​ ​สีของหินก็กลมกลืน​กัน​ดี​ ​ตัวตึกสี​ ​เลือดนก​ ​สีกุหลาบ​และ​สีม่วง​เป็น​ลำ​ดับ​ ​ถือ​กัน​ว่า​เป็น​ศูนย์กลางของอารยธรรม​ ​เบื้องต้นของเขตตะวันออกกลางที่​เรียกว่านาบาทีนส์... ​คนแถบนี้​เป็น​พวกเร่รอน​ ​อาชีพเลี้ยงแกะ​อยู่​ไม่​เป็น​ที่​ ​เป็น​พวกชอบทำ​ธุรกิจค้าขายเครื่องเทศ​จาก​ตะวันออก​ ​ไป​ยัง​เขตเมดิ​เตอร์​เรเนียน​ ​จาก​นั้น​ก็ขนส่งลงเรือไปสู่ยุ​โรป​ ​ใน​ช่วงเวลาที่มีการ​ ​ค้าขายอย่างกว้างขวาง​กับ​อาณาจักรต่าง​ ​ๆ​ ​สืบมาจน​ถึง​ปัจจุบัน​ได้​ใช้​เส้นทาง​ ​ใน​เขตซี​เรียสู่ซาอุดีอารเบีย​โดย​อาศัยกองคาราวานขนส่ง​ ​ได้​สร้าง​ความ​ร่ำ​รวย​ ​และ​อำ​นาจราชศักดิ์​ ​จน​ได้​กลายมา​เป็น​นครเปตราขึ้น​จาก​พวกอี​โดไมท์​ ​ซึ่ง​ถือ​ ​เป็น​เมืองหลวง​ใน​ราว​ 300 ​ปี​ ​ก่อนคริสต์กาล​...​ใน​คริสต์ศตวรรษที่​2 ​พวกนาบาทีนส์​ต้อง​พ่ายแก่​เผ่าพวกโรมัน​ ​จำ​เป็น​ต้อง​เข้า​รวม​กับ​อาณาจักรโรมันแต่​ความ​สำ​คัญด้านการค้าของนครเปตรา​ ​ยัง​อยู่​ต่อไป​โดย​มีชาวโรมันคอยหนุนหลัง​ ​ถนนโรมันถูกสร้างขึ้น​จาก​ซี​เรียไป​ยัง​ทะ​เลแดง​ ​โดย​ฝีมือของชาวเมืองทรอยตามอย่างถนนโรมัน​ ​ศิลปะนี้​เป็น​ที่ยอมรับ​กัน​ทั่ว​ไป​ ​พวกศริสเตียน​ได้​นำ​มาดัดแปลงสร้าง​เป็น​สถานนมัสการพระ​เจ้า​...​สิ่งก่อสร้างสำ​คัญชิ้นหนึ่ง​ใน​นครเปตราคือมหาวิหารกวาซร์​ ​ฟีรา​โอน​ ​ซึ่ง​สร้างสมัยพระ​เจ้าอา​เรตัสที่​4 ​มหาราชของชาวนาบาทีนส์​ ​ซึ่ง​ครองราชย์ระหว่าง​ 9 ​ปีก่อน​ ​ค​.​ศ​. ​จน​ถึง​ ​ค​.​ศ​. 40 ​การบูรณปฏิสังขรณ์นครเปตรากำ​ลังดำ​เนิน​อยู่​อย่างมาก​ ​ใน​ปัจจุบัน​ ​นครแห่งนี้ถูก​ค้น​พบ​ใน​รูปปรักหักพังมาตั้งแต่​ ​ค​.​ศ​. 1812 ​นับ​เป็น​นครที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว​ ​ให้​ไปชมปีละมากมาย​ ​ความ​นิยมดังกล่าว​ช่วย​ยกฐานะ​ให้​นครเปตรากลาย​เป็น​สิ่งมหัศจรรย์​ ​โปราณสิ่งหนึ่ง​ใน​โลก



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น